Seesaw
Park Jihoon x Park Woojin
By : #kwxxboxfic
วันที่ 31 ธันวาคมของทุกๆปี..
สำหรับคนอื่นๆ มันก็คือวันขึ้นปีใหม่ใช่ไหมล่ะครับ
เราต่างก็นับถอยหลังพร้อมกัน
เพื่อให้สิ่งเฮงซวยทั้งหมดในปีนี้นั้นจบลงไปพร้อมๆกับเลข 1
10
.. 9 .. 8 .. 7 .. 6 .. 5 .. 4 .. 3 .. 2 .. 1 ..
HAPPY
NEW YEAR!!!
ผมยืนมองพลุจากทางหน้าต่างหอพักชั้นที่ 4 พลุหลากสีที่ตัดกับผืนฟ้ามืดสนิทนั้นมันดูสวยงามจนน่าหยิบกล้องโปรมาถ่ายเก็บไว้สักช็อต
เสียงครื้นเครงของฝูงชนที่ดังอยู่ข้างหลังผสมผสานกับเสียงดนตรีแบบ EDM ดังขึ้น ผู้คนข้างล่างดูมีความสุข ผมแอบเห็นกลุ่มวัยรุ่นด้านล่างที่มาสังสรรค์กันและคู่รักที่เดินโอบกอดและจุมพิตกันใต้แสงพลุ
เป็นภาพที่ใครมองก็คงมีความสุขตาม
แต่ผมนั้นกลับรู้สึกด้านชาอย่างบอกไม่ถูก
ที่บอกว่าวันที่ 31 ธันวาคมของทุกๆปีนั้นเป็นวันขึ้นปีใหม่สำหรับคนอื่นๆ
แต่สำหรับผม.. มันคือวันครบรอบ
วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันครบรอบ 7 ปี
ระหว่างผมและ พัค จีฮุน
ผมปิดม่านลง หันหลับมามองยังโต๊ะอาหาร
ที่ผมเตรียมมื้อดึกไว้เล็กๆเพื่อให้เราสองคนกลับมาทานข้าวด้วยกันเหมือนทุกๆปี
ที่จริงปีแรกๆ เรามีแพลนเยอะแยะมากมายไปหมด เราไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ไปขึ้นเขา
ดินเนอร์ร้านอาหารหรูๆ นั้นมันก็แค่ 3 ปีแรก ปีหลังๆมา
งานที่คณะของจีฮุนเยอะขึ้นเรื่อยๆ เขาเรียนนิติล่ะ แน่นอนว่ากองหนังสือของเขามันเยอะจนไม่สามารถจับยัดเข้าชั้นหนังสือได้อีกแล้ว
ผมชื่อ พัค อูจิน เรียนคณะศิลปกรรม
แน่นอนว่างานของผมก็เยอะไม่แพ้กับจีฮุน แม้จะไม่ใช่งานอ่านหนังสือสอบที่ต้องใช้สมอง
แต่งานของผมมันเป็นงานปฏิบัตินี่ครับ ผมแทบจะโต้รุ่งเกือบทุกครั้งเวลาที่เข้าใกล้สอบมิดเทอมหรือไฟนอล
นั้นทำให้เราเจอกันน้อยลง ถึงแม้ว่าเราจะเช่าห้องอยู่ด้วยกัน
แต่บางครั้งผมก็นอนที่คณะ ส่วนจีฮุนก็ค้างหอเพื่อนของเขาที่ใกล้กับคณะเขามากกว่า
วันครบรอบของเรานี่ ถึงได้เป็นเพียงวันเดียวที่จะทำให้เรามีเวลาให้กันขึ้นบ้าง
อย่างน้อยๆแหละนะ
ผมส่งข้อความไปหาจีฮุนตั้งแต่สองทุ่ม ถามไถ่แค่ว่า
วันนี้เราจะกลับมากินข้าวด้วยกันไหม?
เขาตอบสั้นๆแค่คำว่า ครับ
โอเค ผมถึงได้ลงมือทำอาหารที่จีฮุนชอบ เป็นมื้อเล็กๆเท่านั้น
ส่วนของขวัญครบรอบมันก็คงไม่มีอะไรมาก
นอกจากให้เรานอนจับมือกันก็เพียงพอแล้ว
00.13
น.
ผมเท้าคางมองโทรศัพท์ที่ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีแสงขึ้น
ไม่มีข้อความแจ้งเตือน ไม่มีอะไรเลย จริงๆปีก่อนมันก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ปีก่อนในวันเดียวกันนั้น จีฮุนลืมวันครบรอบของเรา
ผมไม่โกรธเขาหรอกครับ ผมเข้าใจ
ผมทำเพียงแค่เทอาหารที่สั่งมาลงถังขยะเพราะกลัวมันจะเน่า ส่วนจีฮุนเหมือนจะไปสังสรรค์กับเพื่อนมาก็เหมือนจะพึ่งนึกขึ้นได้
เขาเข้ามาขอโทษผมและผมก็ให้อภัยเขา แค่นั้น
00.25
น.
ผมนั่งมองอาหารที่เริ่มเย็นชืด ผมเริ่มทำมันตั้งแต่ 4 ทุ่ม นี่ก็ผ่านมา
2 ชั่วโมงกว่าแล้ว คนที่จะต้องมากินด้วยกัน เขายังไม่กลับมาเลย
ผมมองโทรศัพท์ตัวเองสลับกับมองอาหารตรงหน้าและมองไปที่ประตู
ติ๊ง..
ผมหันกลับมามองโทรศัพท์ทันทีที่เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
MY
P. Sent you a massage
ผมอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปลดล็อคหน้าจอแล้วเข้าไปดูข้อความเขาอย่างว่อง
ผมคาดหวังว่าจะได้รับข้อความแบบ กำลังไปครับ หรือ รถติดมาก หรือ อยู่หน้าห้องแล้ว
อะไรแบบนั้น
MY
P. : ถ้าหิวก็กินก่อนเลยนะ กลับช้าหน่อย
ผมรู้สึกปวดกระบอกตาหน่อยๆ ล็อคหน้าจอแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกง
ผมเดินเก็บอาหารทุกอย่างที่ผมทำเข้าตู้เย็นอย่างเงียบๆ ตัดกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอยู่ด้านล่าง
ผมมองโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่า รองเท้าที่เหลือเพียงคู่ของผม
ผมตัดสินใจหยิบคีย์การ์ดและเดินจากห้องไป
ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมไม่อยากอยู่ในห้องนั้น
ห้องที่มันเคยเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆระหว่างผมกับจีฮุน
ผมพึ่งเคยรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่สุดเวลาที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายก็ตอนนี้แหละครับ
ผมมองผู้คนที่กำลังฉลองปีใหม่อย่างครื้นเครง ถนนอาหารอัดแน่นไปด้วยผู้คนทำให้ผมเดินไม่ค่อยสะดวกนัก
ผมเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่สนามเด็กเล่นเล็กๆที่อยู่ข้างโรงเรียนเก่าของผม
โชคดีที่บริเวณนั้นมีแสงไฟอยู่หน่อย มันถูกตกแต่งกับโคมไฟหลากสีสวยงาม
มีเสียงดนตรีคลอๆจากที่ไกลทำให้ที่นี่ไม่เงียบเท่าไหร่นัก
ผมเดินตรงที่ไม้กระดกที่เมื่อก่อนถูกทาสีแดงไว้
จนตอนนี้มันขึ้นสนิมไปบ้างแล้วบางส่วน ผมเดินไปนั่งที่ไม้กระดกของอีกฝั่ง
เป็นเพราะไม่มีคนมานั่งกับผม ทำให้ฝั่งของผมตกลงติดพื้นทันที
ผมปล่อยความรู้สึกทุกอย่างที่ผมเก็บมันเอาไว้
ผมร้องไห้อย่างเงียบๆ
กลัวว่าจะมีใครตกใจซะก่อนหากได้ยินเสียงร้องไห้ของผม
ความทรงจำมากมายไหลเข้ามาเป็นฉากๆ เริ่มตั้งแต่ตอนเด็กๆ
ผมกับจีฮุนเราเป็นเพื่อนข้างบ้านกัน ผมจำได้แม่น
วันนั้นผมทะเลาะกับแม่ ตามประสาเด็กแหละครับ ผมแอบหนีแม่มานั่งที่ไม้กระดกตรงนี้
ผมปล่อยเสียงร้องไห้แบบไม่กลัวว่าใครจะได้ยินและมันก็ทำให้ผมได้เจอจีฮุน เขาเดินเข้ามานั่งไม้กระดกอีกฝั่งและยิ้มให้ผม
หลังจากนั้นเราก็สนิทกัน
เราเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตอนนั้นจีฮุนอยู่ ม.3/3 ส่วนผมอยู่ 3/5
เวลาเลิกเรียน เรามักจะเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวัน
บางครั้งก็มีบ้างที่จีฮุนไปเตะบอลกับเพื่อนแล้วผมไปนั่งเฝ้าข้างสนาม
เวลาที่ผมซ้อมเต้นกับทีม จีฮุนก็ชอบมานั่งเล่นเกมอยู่ข้างๆรอผมเลิกอยู่ประจำ จนทั้งเพื่อนเขาและเพื่อนของผมแซวว่าผมสองคนน่ะชอบกัน
ครับ ผมไม่ปฏิเสธ ตอนนั้นผมคิดกับจีฮุนไกลเกินคำว่าเพื่อนไปแล้ว
มีเหตุกระตุ้นทำให้จีฮุนรับรู้ความรู้สึกของผมนั้น ตอนนั้นเป็นงานถนนคนเดินของโรงเรียน
จีฮุนต้องขึ้นวงดนตรีกับพวกแดเนียลและแจฮวาน โดยจีฮุนรับหน้าที่เล่นเบส
ผมยืนมองเขาอยู่แถวๆหน้าเวที เหมือนเขาเห็นผมเหมือนกัน เรายิ้มให้กัน
จนกระทั่งมีน้องผู้หญิงคนนึง วิ่งขึ้นเวทีและยื่นดอกไม้ให้จีฮุนด้วยท่าทางน่ารัก
จีฮุนก็รับดอกไม้นั้นไว้และยิ้มให้เธอกลับ
ผมจำได้แค่ว่ารุ่นน้องคนนั้นปลื้มจีฮุนมานานและพยายามเข้าหาจีฮุนตลอด
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะร้องไห้ถึงได้รีบเดินออกมาจากตรงนั้นและตรงไปที่หลังห้องน้ำ
ที่ผมชอบแอบมาสูบบุหรี่อยู่ประจำ
จีฮุนรีบวิ่งตาตื่นมาหาผม
รีบอธิบายทุกอย่างให้ผมเข้าใจทั้งที่ผมไม่ได้เอ่ยปากขอเขาสักนิดและเขาก็สารภาพกับผม
ว่าเขาชอบผม
นั้นแหละครับ จุดเริ่มต้น เราเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนนั้น..
จนวันนี่เป็นเวลา 7 ปีที่เราอยู่ด้วยกันมา
ระหว่างมีอุปสรรคมากมายจนเราคาดไม่ถึง ตอน ม.6
เราสองคนตกลงกันว่าจะบอกพ่อกับแม่ว่าเราคบกัน โล่งอกที่พ่อแม่ผมน่ะ เขายอมรับได้
แต่พ่อและแม่ของจีฮุนไม่ยอมรับที่เราคบกัน เพียงเพราะเราเป็นผู้ชาย
จีฮุนเคยทะเลาะกับพ่อหนักเพราะเรื่องของเราจนถึงขั้นหนีออกจากบ้าน
ผมเกิดคำถามมากมายว่าการที่เรารักกันนั้นมันผิดที่ตรงไหน?
ดูเหมือนเวลาผ่านไป อะไรๆก็ไม่ดีขึ้น
ผมเองก็เหนื่อยที่จะพิสูจน์ตัวเอง
จีฮุนเองก็คงเหนื่อยที่ต้องเป็นคนกลาง
ผมรู้ว่าเขารักผม แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธพ่อของเขาได้หรอก
หลายๆอย่างผสมปนเปกันไปหมด
จนมาถึงวันที่เส้นด้ายความสัมพันธ์มันเริ่มบาง
แค่แตะนิดเดียวมันก็สามารถขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย
ผมกับจีฮุนเหนื่อยกันเกินไปและละเลยกันมากเกินไป
ผมไม่เคยคิดว่าเป็นจีฮุนที่ละเลยผมเพียงฝ่ายเดียวหรอกครับ
เราต่างก็เคยเพิกเฉยต่อกันและกันมาบ่อยครั้ง
เรายื้อความสัมพันธ์นี่มานานจนมันเริ่มเฟะ
ผมเช็ดน้ำตาที่มันไหลออกมาถึงคาง สูดน้ำมูกเข้าไปให้หมด
ผมไมได้ร้องไห้นานมากจนกระทั่งวันนี้ ผมแค่รู้สึกว่าผมเริ่มไม่ไหวอีกต่อไป
ผมยื้อไม่ไหวแล้วจริงๆ
ผมรู้สึกเหมือนตัวของเขาลอยขึ้นจากพื้นแต่ก้นยังติดกับไม้กระดกอยู่
ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่มานั่งไม้กระดกฝั่งตรงกันข้ามกับผม
พัค จีฮุน
นั่งอยู่ตรงหน้าผม
“มาอยู่นี่ ทำไมไม่บอก” จีฮุนถามผม
“ว่าจะออกมาแปบเดียว ก็เลยไม่บอก” ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆจากเขา
“แล้วรู้ได้ไงว่าเค้าอยู่นี่”
“ถ้าเธอไม่อยู่หอ เธอก็อยู่นี่ มีไม่กี่ที่หรอกที่เธอไป”
ก็คงจริงอย่างที่จีฮุนบอก สมกับที่คบกันมา 7 ปี ผมอมยิ้มให้เขาอย่างไม่เต็มใจนัก
ผมก้มหน้าลงมองพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา เพราะตัวผมนั้นก็กลัวเหลือเกิน
กลัวที่จะเห็นว่าสายตาของเขานั้น คิดเหมือนกันกับผม
“เราคบกันมากี่ปีแล้วนะจีฮุน”
“7
ครับ 7 ปี” จีฮุนตอบเสียงแผ่ว
ผมยิ้มเล็กๆกับน้ำเสียงของเขา เหมือนว่าจีฮุนจะรู้ว่าบทสนทนาของเรากำลังจะไปในทางไหน
ไม่มีใครรู้จักเราสองคนได้ดีเท่าเราสองคนอีกแล้วล่ะครับ
“เธอเหนื่อยรึเปล่า”
จีฮุนถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา
สาบานว่าผมเห็นน้ำในตาของเขาที่สะท้อนแสงไฟออกมา เหมือนเขากำลังจะร้องไห้
แต่ไม่หรอก จีฮุนเข้มแข็งกว่านั้น เขาไม่ค่อยร้องไห้ให้ใครเห็น
“แล้วเธอล่ะ เหนื่อยไหม?”
ผมไม่ตอบคำถามผม แต่ผมเลือกที่จะถามกลับ อาจเป็นเพราะผมรู้ว่าคำตอบของเราคืออะไร
จีฮุนไม่ตอบผม เขาทำแค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆและปล่อยออกมา
“เธอจำได้ไหม ตอนเด็กๆ ที่เรามาเล่นไม้กระดกด้วยกัน” ผมถามเขาขณะที่โยกไม้กระดกเบาๆ
ผมแอบเห็นจีฮุนพยักหน้าเล็กน้อย “ตอนนั้นเราสัญญากันว่ายังไงนะ”
จีฮุนสบตากับผม เขาเช็ดจมูกเล็กน้อย
“จะไม่มีใครลุกออกไปก่อน เราจะลุกออกไปพร้อมกัน” จีฮุนตอบ
“เพราะว่าอะไรหรอ?” ผมเอียงคอถามเขา
“เพราะอีกฝ่ายจะเจ็บ” จีฮุนตอบแค่นั้น ผมยิ้มให้กับเขา
“แล้วเธอเล่นไม้กระดกบ่อยๆ เล่นทุกวัน เธอเคยเบื่อไหม?”
ผมถามเขาอีกครั้ง แม้ว่าจะรู้คำตอบนั้นดี
ร่างหนาตรงหน้าขยับตัวเล็กน้อย เขาสบตากับผมอีกครั้ง
“ครับ” จีฮุนตอบสั้นๆ “แล้วเธอล่ะ?”
“เหมือนกัน”
เรายิ้มให้กัน ยิ้มที่มีแต่ความขมขื่น แสงจากโคมไฟมันสว่างมากพอที่จะทำให้ผมเห็นว่าตาของจีฮุนนั้นเริ่มแดง
แต่น้ำตาของผมมันกลับไหลออกมาเสียแล้ว บางทีผมก็อิจฉาจีฮุนนะ
ที่เขาสามารถกลั้นน้ำตา กลั้นความรู้สึกได้ดีกว่าผม ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ
ก่อนที่เราจะสบตากันอีกครั้ง
“แล้วถ้าเค้าลุกออกไปก่อน เธอจะเสียใจไหม?”
เหมือนรอบข้างมันเงียบไปหมด เงียบจนเหมือนความเงียบนั้นคือคำตอบ
จีฮุนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของเขา
“ไม่ครับ ไม่เสียใจ” จีฮุนตอบ “แต่คงจะเจ็บ”
บางทีถ้าต่างคนต่างไม่มีใครลุกก่อน มันอาจจะเจ็บกว่าเดิมเป็นพันเท่าก็ได้
ผมเม้มริมฝีปากพยายามกลั้นน้ำตาไหลที่มันเหมือนจะไหลลงมาอีกระลอก
“ถ้าเธอจะลุกออกไปก่อนก็ไม่เป็นไรนะ
เค้าเข้าใจเธอ เข้าใจเธอหมดแหละ”
เราสบตากันอยู่นาน กี่นาทีก็ไม่อาจนับได้ เราอ่านสายตาของกันและกัน พินิจมองใบหน้าของกันและกัน
สำรวจดูทุกอย่างบนใบหน้าและร่างกายของอีกคนว่ามีอะไรเปลี่ยนไปหรือไม่
ผมรู้สึกว่าจีฮุนหน้าตอบลง แก้มของเขาหายไป แต่ดวงตาสุกสกาวนั้นยังคงเปล่งประกายอยู่เสมอ
จีฮุนดูไหล่กว่างขึ้นและขอบตาก็ลึกโบ๋ขึ้นเหมือนกัน
ที่ผ่านมาผมแทบจะไม่ได้สังเกตเขาเลย ว่าเขาดูเหนื่อยขนาดไหน
“เธอผอมลง” จีฮุนทักผม “ตัวเล็กลงด้วย”
ผมอมยิ้มให้เขา
จริงๆเราไม่ควรเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว
ผมกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจ
เราไม่ควรแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างมันโอเคอีกต่อไป
“เค้ารักเธอนะ อูจิน”
จีฮุนบอกผม ผมได้ยินเสียงสูดน้ำมูกของเขา
ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตากับเขา
“เค้าก็รักเธอนะ จีฮุน”
ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก
ผมรู้สึกอ่อนแอจนถึงที่สุด เราต่างร้องไห้ให้กันและกันอย่างเงียบๆ
ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นอีก
มีแต่ความเงียบในยามค่ำคืน
และเสียงร้องไห้ของคนสองคนเท่านั้น
นาฬิกาบนข้อมือของจีฮุนดังขึ้น แจ้งเตือนว่านี่เป็นเวลา 02.00 นาฬิกา
ผมแอบชำเลืองมองเห็นเขายกมือขึ้นปาดน้ำตาและสูดน้ำมูกเสียงดัง
ผมเห็นทุกการกระทำของเขา
แม้แต่ตอนที่เขากำลังจะลุกออกจากไม้กระดก
เขายังพยายามลุกอย่างช้าๆและพยุงไม้กระดกนั้นด้วยมือของเขา
เพื่อให้ผมลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย ผมร้องไห้อีกครั้ง
เมื่อเสียงเหยียบย่างที่เปียกไปด้วยน้ำค้างดังขึ้น
เขาเดินออกไปแล้ว
พัค จีฮุน เดินออกจากเกมไม้กระดกนี่ไปแล้ว..
วันนั้นจีฮุนเป็นคนเดินเข้ามาเล่นเกมไม้กระดกกับผม
และในวันนี้.. จีฮุนเองก็เป็นคนจบเกมนี้ด้วยเช่นกัน
---------------------------------end------------------------------------
ไหนๆก็ไหนๆแน้ว ขายเพลงสักหน่อย
แรงบันดาลใจวันช็อตนี่คือเพลง Seesaw - Suga BTS (แปะลิงค์ซับไทยไว้ให้ ฟัง/อ่านแล้วจะเข้าใจความสัมพันธ์ของสองคนนี้ยิ่งขึ้น)
นั่งฟังเพลงพี่ก้าแล้วเกิดอยากแต่งก็เลยมาแบบงงๆหน่อยๆ แฮะๆ
ติชม พูดคุยกันได้ที่แท็ก #kwxxboxfic ค่า ><
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น